เนื่องจากสถานการณ์การบ้านเมืองในปัจจุบัน ที่เราต้องเผชิญกับการก่ออาชญากรรมแทบจะรายวัน ทั้งฝุ่น PM 2.5 ทั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย อาจจะทำให้เราเกิดความเครียดโดยที่เราไม่รู้ตัว หรือเกิดเป็นความเครียดสะสมที่สามารถก่อให้เกิดเป็นโรคร้ายอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคอาการทางจิต โรคซึมเศร้าและอาจถึงขั้นทำให้ฆ่าตัวตายได้ในที่สุด แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าความเครียดนี้เริ่มทำให้เรามีปัญหากับการใช้ชีวิตหรืออันตรายต่อสุขภาพแบบที่ต้องไปพบแพทย์ วันนี้เรามีคำตอบและการลดความเครียดด้วยตัวเองมาฝากทุกคนกันครับ
โรคเครียด คือ โรคที่สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการปรับตัวต่อเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในชีวิต เป็นภาวะที่ต้องเผชิญแรงกดดันจากเหตุการณ์ร้ายแรง ซึ่งภาวะดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการตอบสนองของร่างกายและจิตใจ ทำให้ผู้ที่ผ่านเหตุการณ์มาก่อให้เกิดความเครียด แต่ระดับความเครียดก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ วิธีการแก้ปัญหา และการปรับตัวของแต่ละบุคคล
ข้อบ่งชี้ว่าเป็นโรคเครียด
การเกิดความเครียด สามารถเกิดได้กับทุกคน ไม่ว่าจะมาจากปัจจัยภายนอก หรือ ปัจจัยภายใน ซึ่งความเครียดสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายและอารมณ์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ ความรู้สึก และพฤติกรรม ดังนี้
1. การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย
– ระบบกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อมีการหดตัว ส่งผลให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดศีรษะ ปวดไมเกรน ปวดกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ รวมทั้งมีปัญหาเกี่ยวกับเอ็นตามกล้ามเนื้อ
– ระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหารจะหลั่งกรดออกมามากผิดปกติ ทำให้กระเพราะอาหารเป็นแผล มีอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน และลำไส้ เกิดการหดตัวมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือขับถ่ายบ่อย ๆ
– ระบบทางเดินหายใจ ทำให้หายใจไม่อิ่ม หายใจไม่สุด เหนื่อยง่ายและจุกแน่นหน้าอก
– ระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น เต้นผิดจังหวะ ทำให้หลอดเลือดที่เลี้ยงหัวใจตีบลง มีไขมันมาเกาะ ทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบตัน เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและความดันโลหิตสูง เหงื่อออกที่ฝ่ามือ มือเท้าเย็น
2. การเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ ความรู้สึก
ได้แก่ การตัดสินใจไม่ดี ไม่มีสมาธิ หมดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ ขี้ลืม วิตกกังวล ฟุ้งซ่าน โกรธง่าย เบื่อซึม อารมณ์แปรปรวนง่าย มองโลกในแง่ร้าย รวมทั้งตื่นตัวได้ง่ายกว่าปกติ
3. การเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรม
ได้แก่ ทานอาหารมากขึ้นหรือน้อยลงกว่าปกติ เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ กัดเล็บ ดึงผม ติดบุหรี่ ติดสุรา พูดจาก้าวร้าว โกรธและอาละวาดได้ง่าย ไม่เข้าสังคม ไม่พบปะผู้คน รวมทั้งไม่สนใจสิ่งรอบตัว
8 วิธีง่ายๆ ลดความเครียดด้วยตัวเอง
1.) การดูภาพยนตร์และอ่านหนังสือที่มีเนื้อเรื่องตลกหรือสนุกสนาน
2.) การออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน ครั้งละ 30 นาที
3.) การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง
4.) การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มกระตุ้นประสาท
5.) การออกไปพบปะสร้างสรรค์กับเพื่อนฝูง
6.) จัดการสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ เช่น จัดบ้านหรือโต๊ะทำงาน ให้รู้สึกผ่อนคลาย
7.) การออกไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ
8.) ปลูกต้นไม้ หรือ เลี้ยงสัตว์
แต่สำหรับคนที่ไม่สามารถจัดการกับความเครียดได้ ลดความเครียดด้วยตัวเองแล้วยังไม่ได้ผล หรือความเครียดไปรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน กระทบต่อการทำงานหรือมีผลต่อผู้อื่น การพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษาและรักษาอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง อาจจะรับการรักษาด้วยการทานยาหรือรักษาด้วยการทำจิตบำบัด ทั้งนี้จะอยู่ที่ระดับความเครียดของแต่ละคน การรักษาก็จะต่างกันออกไป เพียงเรารู้ทันและรับมือความเครียดได้อย่างตรงจุด รู้แล้วอย่าลืมจัดการกับความเครียดและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะครับทุกคน