ปัจจุบันธุรกิจต่าง ๆ มีการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างมาก การทำให้ธุรกิจของเราได้รับความสนใจและเป็นที่รู้จักนั้น ทำให้หลาย ๆ บริษัทอยากจะมีสื่อหรือเอกสารที่ใช้ในการประกอบการขายและสามารถแนะนำธุรกิจของตัวเองได้ ซึ่งการทำ Company profile ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถดึงดูดให้ลูกค้าสนใจได้ และในบทความนี้เราจะพาไปดูว่า อะไรบ้างที่ควรใส่ลงไปใน Company profile เพื่อทำให้ลูกค้าสนใจบริษัทเรา ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย !
สำรวจธุรกิจและกลุ่มเป้าหมาย
ในขั้นตอนแรกก่อนทำ Company Profile ต้องเริ่มจากการสำรวจธุรกิจของตัวเองและสำรวจกลุ่มเป้าหมาย ดูจุดเด่นหรือข้อแตกต่างของเรากับคู่แข่งว่าคืออะไร กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจเป็นใคร และเราต้องการนำเสนอศักยภาพแบบไหน อย่างเช่น นำเสนอแบรนด์องค์กร หรือนำเสนอขายสินค้าและบริการที่มีเข้าไปเสริมสร้างความโดดเด่นและแตกต่างให้ เพื่อทำให้ Company Profile ของเราประสบความสำเร็จ และได้รับความสนใจจากลูกค้า
เนื้อหาชัดเจน
ในส่วนของเนื้อหาที่จะใส่ลงไปในงาน Company Profile จะต้องเขียนให้ชัดเจน กระฉับ และเข้าใจง่าย ซึ่งสามารถแบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1 เนื้อหาที่เป็นมาตราฐานไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น ประวัติบริษัท โครงสร้างการบริหารของบริษัท รวมถึงสินค้าและบริการหลัก
ส่วนที่ 2 เนื้อหาที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ เช่น รูปแบบการบริการแบบ Customize หรือสินค้าที่จำหน่ายตามวาระโอกาสต่าง ๆ เป็นต้น
ทั้งนี้ในการสื่อสารสู่กลุ่มเป้าหมายที่วงกว้างมากขึ้น อาจจะมีการเพิ่มภาษาอื่น ๆ เข้าไป เช่น ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ
การออกแบบที่โดดเด่นและน่าจดจำ
การออกแบบก็ถือเป็นส่วนสำคัญเช่นเดียวกัน ที่จะทำให้ Company Profile โดดเด่นและน่าจดจำ ทั้งนี้ในการออกแบบ ควรเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด เพราะจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการรับรู้ได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังง่ายต่อการจดจำของกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งในการออกแบบที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จะรวมไปถึงการใช้สี โลโก้ หรือสไตล์ของรูปภาพและกราฟฟิกที่นำมาใช้ เพื่อช่วยให้กลุ่มเป้าหมายจดจำเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้
Company Profile ในรูปแบบสื่ออื่น ๆ
เนื่องจากในปัจจุบันการสื่อสารมีหลากหลายช่องทาง ที่จะช่วยให้เจ้าของแบรนด์สามารถเข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ดังต่อไปนี้
– Website เป็นสื่อ online ที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายสามารถดูข้อมูลรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับบริษัทได้ เช่น ประวัติบริษัท ข้อมูลการติดต่อ ซึ่งในปัจจุบันสามารถดูได้ทั้งใน คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ทั้งนี้ Website สามารถบอกข้อมูลรายละเอียดสินค้าและบริการได้ครบถ้วนที่สุดอีกด้วย
– Slide Presentation เป็นสื่อที่นิยมใช้ในการนำเสนอสินค้าและบริการ ซึ่งปัจจุบันที่ได้รับความนิยมคือ Google Slide เพราะสามารถนำเสนอข้อมูลผ่านรูปภาพ Video หรือ Audio เพิ่มลูกเล่นความน่าสนใจได้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ Software และสามารถแก้ไขปรับแต่งเองได้ทั้งหมด
– Video Presentation เป็นการนำเสนอ Video ที่จะสามารถอธิบายข้อมูลได้ชัดเจน และเข้าใจง่าย โดยการเล่าเรื่องผ่านภาพเคลื่อนไหว ทำให้สามารถมองเห็นความแตกต่างที่เราอยากนำเสนอได้อย่างชัดเจนและตรงจุด
การใส่ข้อมูลที่เป็นจุดเด่นและจุดที่แตกต่างจากบริษัทอื่น และการรู้กลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้ยังรวมไปถึงการออกแบบที่สวยงาม ทำให้ลูกค้าจดจำเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้ และการทำ Company Profile ในรูปแบบสื่ออื่น ๆ ก็จะยิ่งช่วยทำให้บริษัทของเราเป็นที่รู้จักและน่าสนใจของลูกค้ามากขึ้นอีกด้วย