การลดน้ำหนักมีอยู่มากมายหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดี และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ซึ่งในบทความนี้เราก็จะมาแนะนำหนึ่งในวิธีการลดน้ำหนักยอดฮิตที่ทำตามได้ง่าย ๆ คนไม่ชอบออกกำลังกาย ก็สามารถทำตามได้ และสามารถลดน้ำหนักได้จริง ซึ่งวิธีลดความน้ำหนักที่เราจะมาพูดถึงกันก็คือ การทำ Intermittent Fasting (IF) หรือการอดอาหารเป็นช่วง ๆ ดังนั้น วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับการลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting (IF) ให้มากขึ้นกันค่ะ
วิธีลดความอ้วนแบบ IF สำหรับคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย
การลดน้ำหนักแบบ IF หรือการลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting เป็นการลดน้ำหนักโดยการกำหนดช่วงเวลาในการอดอาหาร (Fasting) และรับประทานอาหาร (Feeding) โดยไม่ได้เน้นที่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริโภคอาหาร แต่การกำหนดเวลาในการรับประทานอาหารจะทำให้ลดปริมาณการกินอาหาร ลดพลังงานจากอาหารที่ได้รับ และในช่วงเวลาที่อดอาหาร (Fasting) ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ลดลง ส่งผลให้การเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดไปเป็นไขมันลดลง ทำให้การกักเก็บไขมันใต้ผิวหนัง และน้ำหนักลดลง ซึ่งช่วงที่ระดับอินซูลิน (Insulin) ลดลง ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) และนอร์อีพิเนฟริน (Norepinephrine) เพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งฮอร์โมนดังกล่าวจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมัน และเพิ่มการเผาผลาญพลังงานให้สูงขึ้น โดยไม่ทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลง
รูปแบบของการทำ IF
การลดน้ำหนักแบบ Lean gains
การลดน้ำหนักแบบ Lean gains หรือเรียกอีกอย่างว่าสูตร IF 16/8 คือ การกินอาหารในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง และอดอาหารในช่วงเวลา 16 ชั่วโมง โดยเป็นสูตรที่แนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มทำ IF เพราะทำได้ง่าย ทำได้ต่อเนื่อง และไม่กระทบการใช้ชีวิตประจำวันมากจนเกินไป
การลดน้ำหนักแบบ Fast 5
การลดน้ำหนักแบบ Fast 5 คือ การอดอาหารที่ค่อนข้างหักดิบ เพราะเป็นการกินอาหารเพียง 5 ชั่วโมง และอดอาหาร 19 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่ทำ IF มาสักระยะ และต้องการจะเพิ่มระดับในการทำ IF
การลดน้ำหนักแบบ Eat stop Eat
การลดน้ำหนักแบบ Eat stop Eat คือ การอดอาหาร 24 ชั่วโมง 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนวันที่ไม่อดก็กินได้ตามปกติ แต่ต้องกินอย่างเหมาะสม และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่วิธีนี้ไม่แนะนำสำหรับคนที่เริ่มลดน้ำหนัก เพราะจะทำให้รู้สึกอยากอาหารมากขึ้นในวันต่อไป และส่งผลต่ออารมณ์อีกด้วย
การลดน้ำหนักแบบ 5:2
การลดน้ำหนักแบบ 5:2 คือ การกินอาหารตามปกติ 5 วัน และกินอาหารแบบ Fasting 2 วัน ซึ่งเลือกทำติดกัน 2 วันหรือห่างกันก็ได้ วิธีนี้ไม่ใช่การอดอาหารทั้งวัน แต่เป็นการลดปริมาณอาหารให้น้อยลงแทน เช่น ผู้ชายสามารถกินได้ 600 แคลอรี่ ส่วนผู้หญิงกินได้ 500 แคลอรี่ หรือประมาณ 1/4 ของแคลอรี่ที่ได้รับต่อวัน
การลดน้ำหนักแบบ ADF (Alternate Day Fasting)
การลดน้ำหนักแบบ ADF (Alternate Day Fasting) คือ การอดอาหารแบบวันเว้นวัน ซึ่งจัดว่าเป็นวิธีค่อนข้างหักโหม เพราะต้องอดอาหาร 1 วัน กินอาหาร 1 วัน แล้วกลับมาอดอีก 1 วัน แต่ทั้งนี้ก็เหมือนกับ IF สูตร 5:2 เพราะในวันที่ Fast เราสามารถกินอาหารแคลอรี่ต่ำได้ แต่ต้องกินให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ประโยชน์ของการทำ IF
ประโยชน์ของการทำ Intermittent Fasting (IF) คือ เมื่อน้ำหนักลดลง ปริมาณไขมันในร่างกายลดลง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังแบบไม่ติดต่อต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน ไขมันสูง ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดียิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ และช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ นอกจากนี้การอดอาหารมีแนวโน้มทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้น โดย IF จะกระตุ้นการกลืนกินตัวเองของเซลล์ (Autophagy) ซึ่งเป็นกลไกที่ช่วยให้เกิดการซ่อมแซมระดับเซลล์ โดยปกติเซลล์ในร่างกายมีการสร้างใหม่ และตายไปตลอดเวลา เมื่อเกิดการกลืนกินตัวเองของเซลล์จะมีการสร้างเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงมาแทนเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพไป
สรุป
การลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ถ้าเกิดว่าหักโหมเกินไปอาจจะทำให้รู้สึกท้อ จนไม่อยากทำต่อ ดังนั้น เราจึงควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง และไม่ทำลายสุขภาพ และสำหรับใครที่อ่านจบแล้ว รู้สึกว่าการลดน้ำหนักแบบ IF เหมาะกับตัวเอง ก็สามารถไปลองทำตามกันได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องศึกษาให้เข้าใจ และต้องมีวินัยในการทำ IF รับรองว่าผลลัพธ์จะต้องออกมาดีอย่างแน่นอนค่ะ
เกี่ยวกับ Plusprinting
Plusprinting เป็นโรงพิมพ์ออนไลน์ ดำเนินธุรกิจโดย บริษัท บุ๊คพลัส พับลิชชิ่ง จำกัด (BookPlus Publishing Co, Ltd.) ซึ่งทางเรามีบริการด้านการพิมพ์แบบครบวงจร พร้อมดีไซน์ให้ได้ตรงกับความต้องการ ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน และทีมงานมืออาชีพที่พร้อมจะทำให้งานพิมพ์ออกมาตรงตามความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทุกท่าน
รูปภาพ: womanandhome.com , eatthis.comและ pilarr.com