ช่วงใกล้เทศกาลคริสต์มาสแบบนี้ หลายคนคงเริ่มจะได้เห็นบรรยากาศความสวยงามและบรรดาของประดับตกแต่งในวันคริสต์มาส ไม่ว่าจะเป็นต้นคริสต์มาส ไฟประดับ กล่องของขวัญ หรือซานตาคลอส และถ้าเราลองสังเกตจะเห็นว่าบางบ้านจะมีช่อสีเขียวลักษณะเป็นพุ่มแขวนอยู่หน้าบ้านด้วย ซึ่งเจ้าสิ่งนี้เขามีชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า มิสเซิลโท (Mistletoe) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์และของประดับตกแต่งในเทศกาลคริสต์มาสนั่นเอง
ว่าแต่เคยสงสัยกันไหมว่า มิสเซิลโทที่ว่านี้คืออะไร? แล้วทำไมต้องแขวนเจ้ามิสเซิลโทไว้หน้าบ้านในวันคริสต์มาสด้วย? วันนี้เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน
มิสเซิลโทที่ว่าสวย แท้จริงแล้วคือกาฝาก!
มิสเซิลโท (Mistletoe) ช่อสีเขียวๆ ที่เรามักจะเอามาแขวนไว้หน้าบ้านในวันคริสต์มาส จริงๆ แล้วก็คือพันธุ์ไม้หรือพืชจำพวก “กาฝาก” ที่ขึ้นและอาศัยอยู่บนต้นไม้ในยุโรปช่วงฤดูหนาว มีลักษณะเป็นพุ่มสีเขียว มีผลเล็กๆ สีแดงคล้ายลูกเบอร์รี่ แต่ในบางสายพันธุ์ก็จะเป็นสีขาว ส่วนใบจะเป็นลักษณะยาวรีแบนๆ และมีสีเขียว ซึ่งใบสีเขียวๆ ของมิสเซิลโทนี้จะยังคงมีให้เห็นแม้ในช่วงฤดูหนาว ในขณะที่พืชชนิดอื่นๆ จะผลัดใบจนหมดเหลือแต่กิ่ง
จูบฉันใต้ต้นมิสเซิลโท ตำนานรักโรแมนติกในวันคริสต์มาส
มีหลายเรื่องเล่าและตำนานที่พูดถึงการจูบใต้ต้นมิสเซิลโทอันสุดแสนจะโรแมนติกในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งที่มาที่ไปของความเชื่อนี้จริงๆ แล้วไม่มีปรากฏแน่ชัดว่าเป็นมายังไง แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดก็คือความเชื่อที่ว่า การจูบของคู่รักใต้ต้นมิสเซิลโทจะนำมาซึ่งรักนิรันดร์ และหากเป็นคู่ที่กำลังสนใจซึ่งกันและกันก็จะหมายถึงการขอให้มาเป็นคู่รักนั่นเอง
ซึ่งหากจะถามว่าทำไมต้องเป็นมิสเซิลโท ก็คงจะต้องย้อนไปในยุคโบราณกาล อย่างชาวกรีกก็เชื่อกันว่ามิสเซิลโทเป็นยาที่ช่วยในการเจริญพันธุ์และนำมาซึ่งชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ในตำนานฝั่งบาบิโลเนียน มิสเซิลโทเป็นสัญลักษณ์ของคนโสดที่รอคอยความรัก หรืออย่างชาวยุโรปก็มีความเชื่อว่ามิสเซิลโทช่วยป้องกันเวทมนตร์ชั่วร้ายของแม่มดได้
อีกหนึ่งตำนานที่น่าสนใจคือตำนานนอร์สที่เล่าถึงเรื่องราวของเทพบอลเดอร์ (Balder) ที่กำลังจะตาย เมื่อเทพีฟริกก์ (Frigg) ผู้เป็นแม่รู้ว่าลูกจะตายก็เร่ขอคำมั่นสัญญาจากทุกสรรพสิ่งบนโลกว่าจะไม่ทำร้ายบอลเดอร์ เว้นแต่มิสเซิลโทเพราะเห็นว่าเป็นแค่กาฝากที่ไม่สามารถทำอะไรบอลเดอร์ได้ แต่สุดท้ายบอลเดอร์กลับต้องมาสิ้นใจเพราะมิสเซิลโท เมื่อเทพีฟริกก์เห็นดังนั้นก็ร้องไห้ น้ำตาหยดลงบนกิ่งมิสเซิลโทเปลี่ยนให้ลูกเบอร์รี่กลายเป็นสีขาว และบอลเดอร์ก็ได้ฟื้นขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง
นี่คงเป็นอีกหนึ่งตำนานที่ทำให้มิสเซิลโทกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก และเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า ผู้ที่ยืนอยู่ใต้กิ่งมิสเซิลโทจะได้รับจุมพิตแห่งรักและแคล้วคลาดจากอันตราย
ทำไมต้องแขวนมิสเซิลโทในช่วงเทศกาลคริสต์มาส?
สำหรับธรรมเนียมการแขวนมิสเซิลโทในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนั้น เชื่อว่ามีที่มาจากความเชื่อที่ว่ามิสเซิลโทเป็นพืชที่สามารถปัดเป่าความชั่วร้ายได้ นอกจากนี้ในตำนานนอร์สยังกล่าวไว้ด้วยว่า มิสเซิลโทคือพืชแห่งความสงบและสันติสุข เมื่อใดก็ตามที่เราอยู่ใต้ต้นมิสเซิลโท ศัตรูที่มุ่งหวังมาทำร้ายจะถอยออกไป มิสเซิลโทจึงถูกนำมาแขวนไว้หน้าประตูบ้านเพื่อความสงบสุขและความโชคดีของคนในครอบครัว
ปัจจุบันการแขวนมิสเซิลโทไว้ที่หน้าประตูบ้านยังคงเป็นธรรมเนียมการฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่เป็นที่นิยมในหลายๆ ประเทศ ซึ่งนอกจากจะแขวนไว้เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและเพื่อให้นำมาซึ่งความสุขสงบและความโชคดีแล้ว ยังเป็นการสื่อถึงเทศกาลคริสต์มาส และเพื่อเป็นการประดับประดาบ้านเรือนให้สวยงามในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนั่นเอง