วันไหว้พระจันทร์ หรือเทศกาลไหว้พระจันทร์ (Moon Festival) เป็นวันที่มีความสำคัญกับชาวจีนเป็นอันดับสองรองจากวันตรุษจีน และยังเป็นประเพณีสำคัญที่ชาวจีนปฏิบัติสืบต่อกันมานับพันปีโดยจะตรงกับ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนกันยายนหรือตุลาคม เป็นช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง และในปี 2562 นี้ วันไหว้พระจันทร์จะตรงกับวันศุกร์ที่ 13 เดือนกันยายน

ตำนานวันไหว้พระจันทร์

ตำนานวันไหว้พระจันทร์นั้นมีการเล่าขานกันมามากมายแตกต่างกันไป บ้างก็เล่าเป็นเรื่องเศร้า บ้างก็เล่าเป็นเรื่องราวความรักอันสวยงาม แต่ไม่ว่าจะยังไงแก่นแท้ของตำนานนี้ก็คือความรักของคนสองคนที่มั่นคงและงดงามเหมือนกับแสงสว่างของพระจันทร์ ตำนานที่เราจะนำมาเล่าในวันนี้จึงเป็นตำนานที่กล่าวถึงความรักของโฮ่วอี้และฉางเอ๋อ ผู้ซึ่งมีความรักอันมั่นคงให้แก่กันโดยไม่เปลี่ยนแปลง

ตามตำนานได้กล่าวไว้ว่า ในสมัยนั้นโลกเรามีพระอาทิตย์ถึงสิบดวง ความสว่างและความร้อนของบรรดาพระอาทิตย์ได้ส่องลงมายังโลก ทำให้ผู้คนมีชีวิตที่สงบสุขจนเหล่าเทวดาบนสวรรค์พากันอิจฉาและคิดไปว่าผู้คนเริ่มไม่เคารพนับถือ เทวดาจึงทำให้ความร้อนของพระอาทิตย์แผดเผาโลกให้มอดไหม้ โดยหวังจะให้ผู้คนกลับมาอ้อนวอนและเกรงกลัวพวกเขาเช่นเดิม แต่แล้ววันหนึ่งก็มีชายหนุ่มชื่อว่า โฮ่วอี้ อาสายิงธนูทำลายพระอาทิตย์ได้เก้าดวงด้วยธนูเพียงดอกเดียว เหลืออีกหนึ่งดวงไว้เพื่อให้ยังคงส่องแสงสว่างมายังโลก ผู้คนต่างพากันสรรเสริญและแต่งตั้งให้เขาเป็นฮ่องเต้

แต่โชคร้ายที่พระอาทิตย์ทั้งเก้าดวงนั้นเป็นบุตรขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ จักรพรรดิแห่งสวรรค์ ทรงกริ้วและเสียพระทัยมากจึงได้สั่งให้นางกำนัลชื่อว่า ฉางเอ๋อ นำยาพิษไปให้โฮ่วอี้ โดยให้หลอกว่าเป็นยาอายุวัฒนะ แต่เมื่อทั้งสองได้พบกันก็เกิดความรัก ฉางเอ๋อรู้สึกเห็นใจโฮ่วอี้ซึ่งเป็นคนรักจึงได้บอกไปว่า ยานี้จะยังไม่สามารถกินได้จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 โดยหวังว่าตนจะสามารถหาวิธีช่วยคนรักได้ แต่เมื่อวันนั้นมาถึง ฉางเอ๋อก็ยังไม่สามารถหาวิธีได้ จึงตัดสินใจกินยาพิษแทน

แต่แทนที่จะตาย ฉางเอ๋อกลับรู้สึกว่าตัวเริ่มเบาและลอยขึ้นไปถึงพระจันทร์ ความตื่นตระหนกทำให้ฉางเอ๋อหายใจไม่ออกและเผลอไอทำให้ยาหลุดออกมาจากลำคอ ฉางเอ๋อไม่สามารถลอยไปที่ไหนได้อีกจึงจำต้องอยู่ในพระจันทร์ เฝ้ามองโฮ่วอี้เหมือนพระจันทร์ที่อยู่คู่กับโลกไปตลอดกาล ชาวบ้านที่ได้ฟังเรื่องราวก็รู้สึกศรัทธาในความรักอันมั่นคง จึงได้นำขนมมาเซ่นไหว้และกราบขอพรให้ฉางเอ๋อช่วยคุ้มครองให้มีชีวิตที่เป็นสุข และช่วยให้หญิงสาวได้มีรูปโฉมงดงามเช่นเดียวกับนาง เป็นจุดเริ่มต้นของประเพณีไหว้พระจันทร์ที่มีมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง

ประเพณีการไหว้พระจันทร์

การไหว้พระจันทร์จะเริ่มในตอนหัวค่ำซึ่งเป็นช่วงที่พระจันทร์เริ่มปรากฏบนท้องฟ้า และจะจบในช่วงเวลาประมาณสี่ถึงห้าทุ่ม มีการตั้งโต๊ะบริเวณลานหน้าบ้านหรือดาดฟ้า ทำซุ้มต้นอ้อย มีธูป เทียน กระดาษเงินกระดาษทอง โคมไฟ ขนมไหว้พระจันทร์และของเซ่นไหว้อื่นๆ

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีไหว้พระจันทร์ทุกคนในครอบครัวจะร่วมกินขนมไหว้พระจันทร์โดยจะต้องหั่นแบ่งให้เท่ากับจำนวนคนในครอบครัว ห้ามขาดหรือเกินโดยเด็ดขาด และแต่ละชิ้นจะต้องมีขนาดเท่ากัน ขนมไหว้พระจันทร์จึงเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความสามัคคีกลมเกลียวของคนในครอบครัว ทำให้ลูกหลานที่จากบ้านไปไกลได้กลับมาพบปะกับครอบครัวเป็นประจำทุกปี