พูดถึงฝนหลายคนคงนึกไปถึงบรรยากาศชื้นแฉะและท้องถนนที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝน ไหนจะยังต้องมากังวลกับความขัดข้องต่างๆ เช่น อุบัติเหตุบนท้องถนนหรืออาการเจ็บไข้ได้ป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้

อีกหนึ่งความขัดข้องหรือปัญหาที่หลายคนมักจะเจอในช่วงหน้าฝนก็คือโทรศัพท์มือถือเปียกฝน สำหรับใครที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่ ลองทำตามขั้นตอนกู้ชีพโทรศัพท์มือถือเปียกน้ำทั้ง 5 ขั้นตอนนี้ แล้วโทรศัพท์มือถือของคุณจะกลับมาใช้งานได้อีกครั้งแน่นอน

1. รีบนำโทรศัพท์มือถือออกจากจุดที่โดนน้ำให้เร็วที่สุด

เมื่อพบว่าโทรศัพท์มือถือเปียกน้ำ ให้รีบนำออกจากจุดที่โดนน้ำหรือจุดที่มีฝนสาดให้เร็วที่สุด หากโทรศัพท์มือถืออยู่ในซองกันน้ำให้รีบนำออกมา ห้ามกดปุ่มเปิดหรือปิดเครื่องทันที เพราะน้ำหรือความชื้นที่ยังอยู่ในโทรศัพท์อาจทำให้เกิดไฟลัดวงจรได้

2. ถอดส่วนประกอบต่างๆ ออกมาก่อน

เมื่อนำโทรศัพท์มือถือออกจากจุดที่โดนน้ำแล้ว ควรรีบถอดส่วนประกอบต่างๆ เช่น เคส ซิมการ์ด ฝาหลังตัวเครื่องและแบตเตอรี่ออกมาก่อน สำหรับบางรุ่นที่ไม่สามารถแกะออกได้เองให้รีบหาผ้าแห้งมาเช็ดตัวเครื่องให้แห้งสนิท ไม่ควรปล่อยให้เครื่องเปียกน้ำ

3. เอาน้ำออกและทำให้เครื่องแห้ง

หลังจากถอดส่วนประกอบต่างๆ ออกแล้ว ให้ลองสลัดตัวเครื่องเบาๆ เพื่อให้น้ำที่ยังคงมีอยู่ในเครื่องกระเด็นออกมาได้ หรืออีกวิธีคือใช้กระดาษทิชชูซับน้ำตามตัวเครื่องให้แห้ง ไม่แนะนำให้ใช้ลมร้อนจากไดร์เป่าผมเพราะจะทำให้โทรศัพท์มือถือเสียหายได้

4. ดูดความชื้น

เมื่อเห็นว่าเริ่มแห้งแล้ว ให้รีบนำโทรศัพท์มือถือและซิลิก้าเจลหรือซองกันชื้นที่มักจะแถมมากับถุงขนมไปใส่รวมกันในกล่อง ปิดฝากล่องให้สนิทแล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 คืน ซิลิก้าเจลหรือซองกันชื้นจะช่วยดูดความชื้นออกจากตัวเครื่อง ทำให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ

5. อย่ารีบชาร์จไฟทันที

เนื่องจากแผงวงจรในตัวเครื่องเพิ่งผ่านความชื้นมาหมาดๆ หากรีบชาร์จไฟทันทีอาจทำให้ตัวเครื่องเสียหาย สิ่งที่ควรทำหลังจากเครื่องแห้งสนิทแล้วคือประกอบส่วนต่างๆ ของเครื่องกลับเข้าไปตามเดิมแล้วลองเปิดเครื่อง หากเปิดไม่ติดหรือไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติให้นำส่งศูนย์ซ่อม