วันที่ 16 มีนาคมของทุกปี เป็น “วันนอนหลับโลก” หรือ “World Sleep Day” เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับการนอนหลับที่สนิทและเป็นการรณรงค์ให้ทุกคนทั่วโลกเห็นถึงความสำคัญของการนอนหลับ มนุษย์เราใช้เวลา 1 ใน 3 ของชีวิตในการพักผ่อนด้วยการนอนหลับ 8 ชั่วโมง จาก 24 ชั่วโมงในแต่ละวัน ดังนั้นการนอนหลับมีความสำคัญกับสุขภาพของเรามาก หากเรานอนไม่พอ นอนน้อยอาจจะทำให้สุขภาพเราย่ำแย่ หรือหากเราทำกิจกรรมอะไรบางอย่างก่อนนอน ซึ่งอาจจะทำให้ส่งผลเสียกับการนอนหลับและสุขภาพของเราได้ การนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้เรามีสุขภาพดีทั้งกายและใจ

การนอนหลับของแต่ละช่วงวัย จะมีความแตกต่างกัน  และเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายจะต้องการการนอนหลับน้อยลง

– เด็กแรกเกิด ต้องนอนหลับ 20 ชั่วโมง ขึ้นไป

– เด็กขวบปีแรก ต้องนอนหลับ 12 ชั่วโมง ขึ้น

– เด็กวัยประถม ต้องนอนหลับ 9-11 ชั่วโมง

– เด็กวัยรุ่น ต้องนอนหลับ 10 ชั่วโมง

– เด็กมหาวิทยาลัย ต้องนอนหลับ 7-9 ชั่วโมง

– ผู้ใหญ่ตอนต้น ต้องนอนหลับ 7-9 ชั่วโมง

– ผู้ใหญ่ตอนกลางถึงตอนปลาย ต้องนอนหลับ 7-8 ชั่วโมง

ข้อปฏิบัติของการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ใหญ่ มีดังต่อไปนี้

1. การออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละครึ่งชั่วโมง แต่ไม่ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนนอน

2. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ทานอาหารมื้อหนัก รสจัด ทานอาหารที่มีรสหวาน เครื่องดื่มที่มาคาเฟอีนผสมอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ชา กาแฟ น้ำอัดลม รวมถึงช็อคโกแลต ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน

3. ไม่ควรงีบหลับตอนกลางวัน หรือตอนเย็น แต่ถ้าต้องการงีบหลับจริง ๆ ไม่ควรงีบเกิน 30 นาที

4. เตียงนอนควรเป็นที่สำหรับนอน ไม่ควรเล่นโทรศัพท์ สมาร์ทโฟน ดูโทรทัศน์ หรือเอางานขึ้นมาทำบนเตียง ก่อนเข้านอน 30 นาที

5. ควรเข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาทุกวัน และไม่ควรตื่นนอนหลัง 8 โมงเช้า

6. ทำให้ห้องเงียบ ปิดเสียงรบกวนทั้งหมดและทำให้ห้องมืดที่สุดเท่าที่จะทำได้

7. ควรผ่อนคลาย ทำจิตใจให้สบาย สวดมนต์หรือนั่งสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบ